วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ใครชอบเเมวมั้ง

คนไหนชอบแมวบ้างจ๊ะ ยกมือให้พี่ปัดเห็นหน่อย
วะว้าว!! เยอะเหมือนกันนะเนี่ย
งั้นก็ต้องชอบรูปเหล่านี้แน่นอน
แต่ขอเตือนว่าระวังให้ดี เพราะมันน่ารักมั๊ก มาก

เด็กดีดอทคอม :: เหมียวน้อยขอแอ๊บแบ๊ว
สวัสดีครับทุกคน
เด็กดีดอทคอม :: เหมียวน้อยขอแอ๊บแบ๊ว
มาเล่นตบแปะด้วยกันไหมครับ

เด็กดีดอทคอม :: เหมียวน้อยขอแอ๊บแบ๊ว
แง้ๆ ผมเล่นแพ้แล้ว

เด็กดีดอทคอม :: เหมียวน้อยขอแอ๊บแบ๊ว
หน้าตาผมหล่อไหมครับ

เด็กดีดอทคอม :: เหมียวน้อยขอแอ๊บแบ๊ว
แอ๊คท่าถ่ายรูปสักหน่อย

เด็กดีดอทคอม :: เหมียวน้อยขอแอ๊บแบ๊ว
มุมนี้ของผมก็ดูดีนะครับ


เครดิต:www.Dek-D.com

คุณกล้าจอดรถเเบบนี้ไหม

เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?
จมอยู่ในน้ำสบายไหมจ๊ะ
เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?
อุ๊ย!! รถใครทะลุกำแพงมา
เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?
จอดแบบนี้ระวังตกน้ำนะจ๊ะ
เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?
อุ๊ย!! จอดเกยก้อนหิน
เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?
จอดเลยมานิดเดียวเท่านั้น (จริงเหรอ)
เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?
เบียดๆ แบบนี้ก็อบอุ่นดีนะ

            ภาพการจอดรถเหล่านี้ปรากฎขึ้นบนเว็บไซต์ www.heavy.com โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากคนขับรถไม่สามารถควบคุมรถได้ทำให้รถยนต์ของพวกเขาพุ่งชนทะลุกำแพงอิฐไปโผล่อีกด้านของกำแพง ตกลงไปจอดสบายในสระว่ายน้ำ ไปจอดคาอยู่ตรงกลางระหว่างท่าเรือและเรือที่ใครเห็นแล้วก็รู้สึกหวาดเสียวกลัวรถยนต์คันนี้ตกลงไปในน้ำ หรือแม้กระทั่งไปจอดในช่องว่างเล็กๆ ระหว่างรถ หรือไปจอดคาอยู่บนก้อนหิน
            เห็นไหมจ๊ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงเพราะเราประมาท ไม่รู้จักระมัดระวัง ดังนั้นก่อนที่จะจอดรถก็ควรที่จะรู้จักสังเกตและดูให้ดีๆ ว่ามีอะไรมากีดขวาง หรือจอดเข้าไปช่องพอดีแล้วหรือไม่ และก่อนที่จะสตาร์ทรถทุกครั้งก็อย่าลืมตรวจเช็คความพร้อมของรถ และตั้งสติก่อนเสมอด้วยนะจ๊ะ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองจ้า

เด็กดีดอทคอม :: กล้าจอดรถแบบนี้ไหม?





ข้อมูลอ้างอิง : http://www.dailymail.co.uk/news/article-2016809/The-parking-disasters-left-motorists-red-faced.html
ภาพประกอบ : http://www.heavy.com/comedy/2011/07/the-20-worst-parking-fails


การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข

อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ
'ทหาร' ต้องมาเผชิญหน้ากับ 'สุนัข'
ที่พกพาอาวุธมาเต็มที่ โดยอาวุธของมันก็คือ...
เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
อยู่ในอ้อมอกของทหารแล้วรู้สึกอุ่นใจจังเลย

เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
นอนหลับสบายไหม

เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
อ๊ะๆ พี่เบิ้มอย่าแกล้งน้องสิ

เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
มีอาวุธอยู่ใกล้ตัวแบบนี้ ค่อยนอนหลับหน่อย

เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
ถ่ายรูปด้วยกันหน่อยนะ

เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
หันหน้ามาสบตากันหน่อยสิ

เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข
อยู่ในกระเป๋าแบบนี้ก็ดีนะ


อาวุธร้ายกาจของเจ้าสุนัขเหล่านี้ก็คือ ความน่ารัก ใสซื่อ นั่นเอง
ที่ทำให้ทหาร ยิ้ม หัวเราะ และรู้สึกหายเหนื่อยจากการทำงานเป็นปลิดทิ้ง
ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆ เลยจ้ะ
น้องๆ ชาว Dek-D.com เห็นด้วยกับพี่ปัดไหมจ๊ะ


เด็กดีดอทคอม :: การเผชิญกันของทหาร VS สุนัข


ข้อมูลอ้างอิง : Fwd mail จาก puppy_pii
เครดิตซ
ข้อมูลอ้างอิง : www.Dek-D.com

วัยรุ่นฟังไว้ ใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำลายสมอง

จะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่มีผลการวิจัยหลายชื้นยืนยันมาแล้วว่า ปัจจุบันนี้วัยรุ่นส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่กับโลกออนไลน์มากกว่าที่จะอยู่ในโลกที่เป็นชีวิตจริง บางคนมีอาการติดอินเทอร์เน็ตมากถึงขั้นที่ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติถ้าหากไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์ น้องๆ Dek-D ทราบรึเปล่าคะว่า พฤติกรรมดังกล่าวนี้กำลังจะนำมาซึ่งอันตรายต่อสมองของเราค่ะ
เด็กดีดอทคอม :: วัยรุ่นฟังไว้ ใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำลายสมอง      เพราะล่าสุดทีมนักประสาทวิทยาและแพทย์รังสีวิทยาของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลในจีนได้ทำการวิจับพบว่า การ ใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปนั้นจะมีผลให้สมองของวัยรุ่นถูกทำร้ายโดยมีผลต่อ สมาธิและความจำ รวมไปถึงความสามารถในการตัดสินใจและตั้งเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ นอกจากนี้ความสามารถในการยับยั้งชั่งใจทำได้น้อยลงซึ่งเป็นผลนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

     สำหรับการศึกษาในครั้งนี้ นักวิจัยใช้เครื่อง MRI สแกนสมองนักศึกษามหาวิทยาลัย 18 คน อายุ 19 ปีที่ใช้เวลาวันละ 8-13 ชั่วโมงเล่นเกมออนไลน์ สัปดาห์ละ 6 วัน โดยนักศึกษาเหล่านี้ถูกระบุว่าติดอินเทอร์เน็ต หลังจากตอบคำถาม 8 ข้อ โดยใน 8 ข้อนั้นรวมถึงคำถามว่าพยายามเลิกใช้คอมพิวเตอร์ และโกหกครอบครัวเกี่ยวกับเวลาที่ใช้กับการออนไลน์หรือไม่


     เมื่อเก็บข้อมูลดังกล่าวแล้ว นักวิจัยนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่เป็นนักศึกษา 18 คนที่ใช้อินเทอร์เน็ตวันละไม่ถึง 2 ชั่วโมง ภาพสแกน MRI ชุดหนึ่งโฟกัสที่สมองส่วน grey matter บริเวณเปลือกสมองด้านหน้าหรือที่เรียกว่า cortex ซึ่งรับผิดชอบในการประมวลผลความจำ อารมณ์ คำพูด การมองเห็น การได้ยิน และการควบคุมการเคลื่อนไหว เมื่อเปรียบเทียบ grey matter ระหว่างสองกลุ่มพบว่า หลายส่วนในสมองของกลุ่มตัวอย่างที่ติดอินเทอร์เน็ตหดตัวลง โดยผลการสแกนบ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ยิ่งการติดอินเทอร์เน็ตดำเนินต่อเนื่องยาวนานแค่ไหน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมองก็จะยิ่งร้ายแรงขึ้นเท่านั้น
เด็กดีดอทคอม :: วัยรุ่นฟังไว้ ใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำลายสมอง

     ไม่เพียงเท่านี้ นักวิจัยยังพบการเปลี่ยนแปลงในเนื้อสมองชั้นในที่เรียกว่า white matter ซึ่งเนื้อสมองส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นทางส่งผ่านข้อความระหว่าง grey matter สองส่วนในระบบประสาท ความผิดปกติเชิงโครงสร้างเหล่านี้อาจเชื่อมโยงกับความบกพร่องในการทำงานของส่วนที่ควบคุมความคิด ซึ่งนักวิจัยได้ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ความผิดปกติเหล่านี้อาจทำให้วัยรุ่นติดอินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นกว่าปกติ ซึ่งถือว่าความผิดปกตินี้เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไป จึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมอง

     สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร “พลอส วัน” ชิ้นนี้ จัดทำโดยทีมนักประสาทวิทยาและแพทย์รังสีวิทยาของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลในจีน โดยทีมนักวิจัยคาดว่าปัจจุบันมีเยาวชนติดอินเทอร์เน็ตสูงถึง 24 ล้านคน
เด็กดีดอทคอม :: วัยรุ่นฟังไว้ ใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำลายสมอง

     ทั้งนี้สำหรับการศึกษาดังกล่างนั้น ศาสตราจารย์คาร์ล ฟริสตัน นักประสาทวิทยาศาสตร์จากยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน กล่าวกับวารสารไซเอนทิฟิก อเมริกันว่า เทคนิคที่ใช้ในการศึกษาขนาดเล็กของจีนมีความแม่นยำมาก และไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาแต่อย่างใด

      ได้อ่านผลการวิจัยแล้วก็ต้องตกใจเหมือนกันนะคะ เพราะทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับอินเทอร์เน็ตมากเกินไปโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว แบบนี้พี่เหมี่ยวว่าเราคงต้องหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตใหม่แล้วล่ะค่ะ วันละ 2 ชั่วโมงกำลังดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เวลาที่เหลือเราจะได้ใช้ในการพักผ่อนยังไงล่ะ

เด็กดีดอทคอม :: วัยรุ่นฟังไว้ ใช้อินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำลายสมอง
เครดิต:http://www.dek-d.com
หมาปั๊ก Puggy ตูบหน้าบี้...จอมทะเล้น (Dogazine)

          ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ

          ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย

มาตรฐานสายพันธุ์

          ถิ่นกำเนิด   ประเทศจีน
          กลุ่ม   Toy
          หัว   หัวกะโหลกมีลักษณะกลม ขนาดใหญ่ หนังบริเวณหน้าผากมีรอยย่นมาก
          หู   ขนาดเล็ก ใบหูค่อนข้างบาง มีหู 2 ชนิด คือหูตูบแบบบูลด็อก และหูพับแบบลูกกระดุม แต่จะนิยมหูพับมากกว่า
          ตา   ดวงตากลมโต สีเข้ม
          ปากสั้น   รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กรามล่างจะยื่นออก
          จมูก   สั้น สีด
          ฟัน   ขบกันแบบกรรไกร
          ลำตัว   สั้น หลังตรง ล่ำสัน และมีกล้ามเนื้อแข็งแรง
          คอ   สั้น โค้งเล็กน้อย
          อก   กว้าง
          ขา   ขาหน้าเหยียดตรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความยาวปานกลาง เท้าไม่กลมเหมือนเท้าแมว เล็บสีดำ
          หาง หางชี้ขึ้นด้านบน แต่ลักษณะม้วนเป็นวงจนติดบั้นเอว หากม้วนได้ 2 รอบ ถือว่าเป็นลักษณะที่สมบูรณ์
          ขน   สั้นละเอียดเป็นประกาย ไม่ปุกปุย
          สี   สีน้ำตาลแบบลูกวัว สีเงิน หรือสีดำ มีาร์คกิ้งสีดำที่หน้าและใบหู
          ขนาด   สูง 10-11 นิ้ว น้ำหนัก 6.5 - 8.2 กิโลกรัม
          การเดิน และการวิ่ง   คล่องแคล่ว ปราดเปรียว
          ลักษณะที่ถือว่าบกพร่อง   หัวกะโหลกเล็ก ช่วงปากยาว ตาเล็ก รอยย่นเห็นไม่ชัด
          ช่วยชีวิตเฉลี่ย   12 - 14 ปี

My name is Ratanapol  Chankeaw (Tid-Tor). I'm 14 years old
I live in Lampang. In Thailand. I study in Bunyawat wittayalai school.
My address is 214/16  jammatavee road.